บทที่ 1 : สก๊อต สก๊อต และสก๊อต
นรกเหอะ! เธอเมา
คืนวันเสาร์ อิงอลินญา นรเรศศิรินทร์กำลังอยู่ในงานปาร์ตี้ แต่พอราวสี่ทุ่มเธอก็รู้ตัวแล้วว่าตอนนี้เธอเมามาก เธอนั่งอยู่บนโซฟาคนเดียวในบ้านพักตากอากาศริมชายเขา เธอกำลังฟังเพลงจังหวะเร็วที่เล่นในระบบทันสมัยและจับตาดูสภาพความเป็นไปของผู้คนที่เกิดอยู่รอบตัว แต่ก็มีการดำเนินการที่เหลือให้ชมไม่มากนัก ที่ถ้าให้เล่าก็คงจะได้ภาพมาประมาณนี้
อันที่จริง ในตอนก่อนที่ปาร์ตี้จะเริ่มต้น แขกทุกคนเคยนั่งอยู่ที่นั่งเล่นด้านหน้า และหญิงสาวคนหนึ่ง คืนนี้เธอเลือกสวมตัวเองด้วยเดรสเขียวมรกตที่ขับผิวของเธอให้ผุดผ่องแพรวพราวก็มองไปที่ผู้ชายคนหนึ่งที่สังเกตได้ง่าย เพราะเขาคนนั้นจะมีแก้วอยู่ในมือ และเขามักจะดื่มจากแก้วนั้น และดูเหมือนเขาจะไม่ยอมให้ พิมพ์ภิรมย์ ที่อยู่อีกฝั่งของห้องคลาดสายตา แต่ตอนนั้นแม่สาวที่ย้อมหัวแดงแปร๋นและหน้าอกขนาดแม่วัวนมในฟาร์มนมวัวก็กำลังนั่งพูดจ้อ คุยแจ้ อยู่กับทิศณุ ฌัชชาญกัปนาท ผู้เป็นเจ้าของบ้านและเป็นเจ้าภาพงานปาร์ตีในคืนนี้ และหล่อนก็มักจะผลักหน้าอกอวบอัดจากการบุนวมของหล่อนใส่หน้าของเขาทุกครั้งที่สบโอกาส
หล่อนเป็นสาวร่างใหญ่ที่ย้อมผมจนเป็นสีแดงเพลิงและร่างกายเป็นเหมือนนางเงือกหรือนางไซเรน ที่ทิศณุเคยบอกเธอครั้งหนึ่งว่าพิมพ์ภิรมย์เคยคบกับผู้ชายเกือบทุกคนที่หล่อนรู้จัก และยกเว้นไม่กี่คน และตอนนี้สาวผมแดงกำลังประลองเชิงกับทิศณุ มือเล็กๆ ร้อนๆ ของหล่อนเคลื่อนไปด้านหน้ากางเกงของเขา
ออกไปให้พ้นจากแฟนของฉัน!
อิงอลินญาอยากจะตะโกนบางคำที่เผ็ดร้อนมากกว่านี้ แต่เธอรู้ดีพอที่จะปิดปากของเธอไว้ การเล่นบทเจ้าชู้ร้อนแรงเป็นสิ่งที่เข้มงวดในงานปาร์ตี้ซึ่งเธอตระหนักดี และการลูบคลำขั้นสูงนั้นเขาเรียกว่าการจีบ เธอจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขลาดชั่วนิรันดร์หากเธอเปิดเผยการคัดค้านของเธอ และเธอก็ให้อภัยทิศณุเล็กน้อยเพราะรู้ว่าเขาเมามากกว่าเคยในการรับบทเจ้าภาพหนุ่มโสดเจ้าสำราญ สีผิวของเขาแดงนิดหน่อยและดวงตาของเขาก็มัวเล็กน้อย อีกอย่างที่สำคัญ เธอกับทิศณุก็แค่เพิ่งคบหาในฐานะเรียนรู้ใจกันได้ไม่ถึงสามสัปดาห์ และพวกเธอยังไม่เคยมีอะไรเกินเลยกัน แม้ว่าทิศณุจะหล่อมาก และเขาเป็นรุ่นพี่เธอ แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มเสเพล เขาโดดเด่น มีหุ่นที่ดีของนักกีฬา และเขาดูน่าค้นหาสำหรับเธอ มีเพียงจูบหลังจากการออกเดธครั้งที่สาม ทั้งที่พวกเขาจะเจอกันวันเว้นวัน โดยทิศณุชอบพูดว่า บางครั้งเขาก็อยากมีพื้นที่ส่วนตัว
เขาอาจหล่อ เขาอาจรวย เขาอาจดูน่าค้นหา แต่เขาก็ยังไม่ใช่ชายหนุ่มที่จะอยากขอหญิงสาวแต่งงานด้วยง่ายๆ เขาเพิ่งจะเพียงอายุได้ยี่สิบกว่าๆ เขาพูดบ่อยๆ ว่าเขารักอิสระ เขายังอยากเจอผู้คนอีกมากมาย อยากท่องเที่ยว อยากค้นหาชีวิต
และแม้เธอจะชอบเขามาก แต่เธอก็ลังเลใจว่าทิศณุจะใช่ผู้ชายที่เธอควรฝากชีวิตไว้ด้วยหรือไม่
เธอยังนั่งจ่อมจมอยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่น ปวดหัว หลับตา และเธอก็หันไปมองเมื่อมีหญิงสาวที่สวยมากมาหย่อนกายลงนั่งข้างๆ
"สนุกสนานกันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง" อิงอลินญากล่าว
“มีอะไรหรือเปล่าที่รัก?”
อิงอลินญาพยายามเพ่งสายตา ผู้หญิงที่เธอเห็นคือ กรกัลยา ขจรเวชรวงศ์, เธอถือแก้วเหล้าได้ดีกว่าอิงอลินญามาก เป็นหญิงสาวที่ดูสง่า นักปาร์ตี้และเจนสังคม แต่เธอก็ค่อนข้างจะดูเย็นชาและโดดเดี่ยว สงบและผ่อนคลาย
"ฉันไม่รู้.. ฉันต้องการดื่ม"
เธออยู่ที่เดิมขณะที่ผู้หญิงที่ชื่อกรกัลยาเดินข้ามห้องไปอย่างเชื่อฟังและเทเหล้าลงบนน้ำแข็ง เธอกลับมาอีกครั้งพร้อมแก้วที่ยื่นให้แก่แขกร่วมงานที่อายุน้อยกว่าของเธอ
“มันเป็นสก๊อตใช่มั้ย?”
"อ๊ะ! มันเริ่มจากตรงนั้น แต่ฉันก็ลองผสมวอดก้าที่ไหนสักแห่งตรงกลาง จากนั้นตอนนี้ฉันก็ตบท้ายด้วยสก๊อต"
“สก๊อตมากเกินไป” เธอกล่าว “ฉันเดาว่าฉันดื่มเหล้าได้ไม่ดีนัก อย่างน้อยฉันก็จะไม่ทำลายพรมในห้องโถง”
“คุณดื่มเร็วเกินไปหรือเปล่าล่ะ?" สาวอาวุโสเตือน
"ฉันเดาว่างั้น" คนถูกถามมีท่าทางว่าน่าจะเห็นด้วย
"แล้วก็ขอให้สวรรค์ช่วยคุ้มครองคุณจากนรกในตอนเช้า คุณต้องมีรูกลวงๆ บนหัวจากการเครื่องดื่มนี้นะ ที่รัก"
ขณะที่เธอจิบสก๊อต กรกัลยามองเธออย่างสงสัย
“ฉันสงสัย และฉันเดาว่าต้องมีคนส่งเพลงอะไรหยาบๆ ให้คุณ” เธอพูด “คุณอยากคุยเรื่องนี้ไหม?”
สาวอ่อนวัยกว่าหันหัวที่ปวดอย่างงี่เง่าไปมองหาทิศณุอีกหน แต่คนที่เธอเจอคือ 'เสือ อัครเรศทวีวัฒน์' ที่นั่งคุยอยู่กับนางสาวนมโตเหมือนแม่วัว มีก้นของหมู ปากปลาบู่ ตาหอยแครง และย้อมผมสีบลอนด์
นั่นก็อีกคน น่าสมเพช!
"ช่างเถอะ ฉันแค่อยากดื่ม"
กรกัลยาให้เธอดื่มและเธอก็ดื่มมัน
เธอกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากอ้วกทุกสิ่งในกระเพาะที่มีแต่สก๊อต สก๊อต สก๊อตของเธอ ล้างมือ และลูบหน้า หลังจากนั้นก็ออกมา แต่แล้วเธอก็หยุด ยืนตรงนั้นครู่หนึ่งเพราะเหมือนจะมีเงาของบางสิ่งเคลื่อนไหว ชายคนหนึ่งดึงข้อศอกของเธอให้เดินตามไปยังมุมหนึ่งบนทางเดิน แต่เธอไม่ยอม เธอสะบัดตัวออกไป จากนั้นน้ำเสียงเสียดสีของเขาก็ผ่านหูสู่เธอ
“อย่าเข้าไปในห้องนอน” เขาพูด
เสือ อัครเรศทวีวัฒน์นั้นตัวสูงและใหญ่โตเหมือนยักษ์และมีผมสีน้ำตาลเข้ม เขามีผิวสีบลอนด์ แต่พอไม่มีหนวดมีเคราแล้วคุณก็จะเห็นริมฝีปากของเขาที่บางเฉียบที่มักจะดูมีรอยหยักโค้งอย่างเยาะเย้ยประดับอยู่ที่นั่นเสมอ และแววตาที่แสดงความไม่พอใจอย่างสุดซึ้งก็ไม่เคยลดละไปจากดวงตาสีน้ำตาลเข้มอันเย็นยะเยือกของเขา โดยเฉพาะเวลาที่จ้องมองเธอ และถ้าเธอรู้ว่าเขารู้จักทิศณุ ฌัชชาญกัปนาท สาบานได้เลยว่าเธออาจจะปฏิเสธไม่มางานนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าทิศณุจะเป็นเจ้าภาพก็ตามที!
“พิมพ์ภิรมย์อยู่ในนั้น รู้ไหมว่าเธอกำลังทำอะไร เด็กน้อย”
"อะไร?" เธอตะคอกเสียงหวาน
เสือหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาพูดว่า
“ผมเดาว่าคุณคงสนใจผมแล้วสินะ ใช่ไหม?”
“ไม่ตลก” อิงอลินญาแดกดันด้วยน้ำเสียงหยาบคาย ไม่พยายามเก็บกดเพื่อรักษามารยาทอะไรกับเขาเลย
เขายิ้มแล้วมองเธอ สายตาของเขาเริ่มจากใบหน้าของเธอและเลื่อนลงมาที่รองเท้าของเธอ อ้อยอิ่งด้วยความสนใจในบางพื้นที่ จากนั้นเขาก็จ้องเข้าไปในดวงตาของเธออีกครั้ง
เธอรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง และมือของเขาเอื้อมออกไป ใจเย็นและไม่ย่อท้อ และโอบรอบทรวงอกของเธอ เขาบีบและปฏิกิริยาของเธอเองก็ทำให้เธอประหลาดใจอย่างมาก เธอเกลียดเสือ อัครเรศทวีวัฒน์อย่างแรง และเธอจะไม่ยอมไปนอนกับเขาเพื่อทำสิ่งง่ายๆ แม้แต่การก้าวไปซื้อกาแฟในบราซิลเด็ดขาด แต่มือของเขาบนหน้าอกของเธอก็เพียงพอที่จะทำให้เธออยากออกไป เธอรู้สึกว่าหัวนมแข็งขึ้น ดูเหมือนมันจะเป็นไปของมันเอง และเธอรู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นที่คุ้นเคยแล่นผ่านร่างสาวที่เต่งตึงของเธอ
เธอเกลียดเขา เสือ อัครเรศทวีวัฒน์ เธอเกลียดเขา และหวังว่าเขาจะทิ้งเธอไว้คนเดียว
แต่ความจริงก็คือเธอรู้สึกตื่นเต้น และตอนนี้เขาก็พูดอย่างมั่นใจว่า
"แล้วไงล่ะ สาวน้อยของผม และผมก็รู้ดีว่าคุณอยากได้แบบไหน"
“คุณมันน่าขยะแขยง ปล่อยฉัน”
เขาปล่อยเต้านมของเธอแล้วกระตุกปลายยอดของมันด้วยปลายเล็บหัวแม่มือเจียนมนของเขา
เข่าของเธอรู้สึกเหมือนจะอ่อนแรงลงและเธอก็อยากจะร้องไห้
“คุณรู้ไหมว่าผมสามารถไปหาคุณได้”
“ไปให้พ้น ฉันเกลียดคุณ คุณเสือ อัครเรศทวีวัฒน์” เธอเรียกเขาบ้าง อย่างเต็มยศ
“เป็นเกียรติของผมเสมอ ที่รัก”
เขาแค่พยายามทำให้เธอตกใจ เธอรู้ แต่เขาเพียงทำให้เธอตัวสั่นพรั่นพรึง เธอเกลียดเขา เกลียดเขาที่สุด!
แต่ในที่สุดเธอก็กำจัดเขาได้สำเร็จ โดยการบิดแขนออกจากการจับกุมที่เผลอไผลของเขา เขาไม่ได้ตามเธอมา
เธอเดินย้อนกลับไปทางเดิม แต่แล้วก็มีอย่างอื่นที่ทำให้เธอตกใจเท่าที่เสือ อัครเรศทวีวัฒน์จะทำได้ใกล้เคียงกัน
ประตูห้องนอนห้องหนึ่งเปิดออก มีคนสองคนออกมาทางประตูนั้น
ผู้หญิงคนนั้นคือพิมพ์ภิรมย์ ทรัพย์แสนสิน และอิงอลินญาจำชายคนนั้นได้
ทิศณุ ฌัชชาญกัปนาท
มีนาทีที่ยาวนานและไม่มีความสุข ไม่สบายใจในขณะที่เธอยืนจ้องมองเขา สมองของเธอที่กำลังทำการเชื่อมต่อ แต่บางสิ่งเหมือนจะหยุดชะงัก และภาพนั้นทำให้เธอเจ็บปวดได้มากเหมือนกัน
ทิศณุกำลังมองดูเธอ กำลังพูดอะไรบางอย่างกับเธอ แต่เธอไม่ได้ยินสักคำ จิตใจของเธอกำลังปั่นป่วน หนุ่มรุ่นพี่เจ้าสำราญของเธอกำลังพูดบางอย่างกับเธอ และนางโสเภณีผมแดงก็มองมาที่เธอ ยิ้มเยาะเธอ … และมันก็มากเกินไป
อิงอลินญาถลาและพร้อมออกบิน!
บทที่ 2 : ไม่ใช่ทางที่เธอจะไป
เธอแทบไม่สังเกตเห็นเมฆสีเทาจนกระทั่งมีสายฝน และฝนก็ตกหนักมาก เธอเปียกปอนไปหมด
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เซนต์เดอลองค์ก็มักจะมีวันที่ฝนตก และในวันนี้ฝนตกพรำๆ ท้องฟ้าเปิดขึ้นและฝนโปรยปรายลงมา ครั้งแรกเป็นละอองฝน และจากนั้นเป็นฝนตกที่ลงมาอย่างหนัก และถ้าคุณอยู่ข้างนอกท่ามกลางสายฝน คุณจะเปียกโชกได้ ถึงแม้คุณจะมีชุดกันฝนหรือร่มก็ตาม
แต่ผู้หญิงในชุดเดรสสีเขียวมรกตไม่มีสิ่งเหล่านี้ เธอเปียกโชกมากกว่าที่เธอจะสนใจ เพราะเธอเมา แต่ตอนนี้เธอแน่ใจว่าเธอน่าจะสร่างแล้ว หลังจากโดนฝนตกเปียกจนโชก
เธอต้องหาที่หลบฝน
ไม่มีรถผ่านมาทางใดทางหนึ่งขณะที่เธอเดินไปตามถนนแคบๆ การจะย้อนกลับไปที่งานปาร์ตี้อีกหนหลังจากที่เธอบินหนีมันออกมา และกว่าเธอจะคิดได้ว่าเธอโง่ เธอก็พบว่าเธออยู่ห่างมันออกมาไกลมากไปแล้ว และเธอค่อนข้างรังเกียจทางเลือกนี้ที่จะย้อนกลับ แต่ถ้าเธอเดินต่อไปอีกหน่อย เธออาจจะเจอป้ายรถเมล์ ไม่ก็โรงนาเก่าๆ ที่พอจะแวะเข้าไปหลบฝนได้
สองข้างทางเป็นทุ่งนากว้างใหญ่และราบเรียบเป็นเอเคอร์และเอเคอร์ ล้อมรอบด้วยป่า
โรงนา.. อาจจะมีโรงนาแก่ๆ อยู่บนถนนเส้นนี้ .. เธอจำได้คลับคล้ายว่าเคยมาเดินเล่นแถวนี้ตอนเด็กๆ
เธอเดินต่อไปอย่างสงสัย แล้วรถก็มาจอดข้างๆ เธอ
ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นทิศณุ
ใช่ มันคือรถหรูยี่ห้อแพงแบบเดียวกับทิศณุใช้ แต่คันนี้มันไม่ใช่ของทิศณุ
แล้วเธอก็หัวเราะ เพราะรถที่อยู่ข้างๆ เธอคือรถยนต์สีน้ำเงินเข้มเกือบดำ อายุไม่ถึงหนึ่งปี
ซีดานสุดหรูสีน้ำเงินเข้มเกือบดำ เหมือนเสือดำที่หมอบเตรียมกระโจน ที่ความบริสุทธิ์ของเธอถูกพรากไปที่เบาะหลังของมัน!
และคนขับคือ .. เสือ อัครเรศทวีวัฒน์
“คุณกำลังไปตามทางของผม สาวน้อย”
รถที่มีล้อชุบโครเมียมเงาวาวที่ยังคงเห็นได้ชัดแม้ในยามค่ำ และฝนกำลังตก บนถนนที่เปลี่ยว
ฝนยังคงตกหนักและเร็ว เธอรู้สึกถึงสายตาของเขาที่ลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอ โดยสังเกตว่าเสื้อเปียกเกาะอยู่บนหน้าอกของเธอเต็มๆ และความเย็นก็ทำให้ปลายยอดของมันชูชันอย่างเด่นชัดขึ้น เธอหวังว่าเขาจะหยุดมองเธอแบบนั้น เพราะมันทำให้เธอรู้สึกตัวสั่นยิ่งกว่าความเหน็บหนาวของสายฝน
“ถ้านรกส่งคุณมา ก็ไสหัวคุณไปได้เลย” เธอทักเขาดัวยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
“คุณโง่มาก โง่มากๆ หมูหวาน” เขาดูเหมือนคนหัวเสียอย่างยิ่ง
“คุณคิดว่ามันตลกหรือไง?” เจ้าของชื่อเสียดสีด้วยน้ำเสียงที่เขาชอบใช้กับเธอ
“แต่ผมเห็นว่าคุณกำลังไปทางเดียวกับผม” คราวนี้เขาพูดอย่างเกียจคร้าน “ขึ้นมาสิ อิงอลินญา นรเรศศิรินทร์”
ถ้าไม่ใช่เพราะความเหน็บหนาวจนมันจะฆ่าเธอตาย เธอจะไม่ขึ้น!
เขายื่นเสื้อคลุมที่อุ่นและแห้งให้เธอ
“คุณควรจะถอดชุดที่เปียกออก ก่อนที่คุณจะฆ่าผ้าแห้งผืนเดียวที่มีให้คุณ” เขาเตือน
“ฉันเปลื้องผ้าไม่ได้” เธอกล่าว “ไม่มีอะไรอยู่ใต้ชุด”
“หมูหวานที่น่าสงสาร” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยที่เธอเกลียด “คุณทิ้งกางเกงในไว้ในงานปาร์ตี้นั้นเหรอ?”
"ไม่ ฉันไม่ได้ใส่สวมมันมาจากบ้านเลย” เธอหน้าแดง
"อยากเซ็กซี่?"
"ใช่" คำตอบเต็มไปด้วยความดื้อดึง
“คุณนึกว่าผมไม่รู้หรือ คุณมักจะทำอย่างนั้น อิงอลินญา นรเรศศิรินทร์” เสือ อัครเรศทวีวัฒน์พูดเสียงเอื่อยๆ
“ทำไมคุณถึงชอบเรียกฉันด้วยชื่อเต็มของฉัน” เธอเลี่ยงประเด็นเพราะคิดแล้วว่าเรื่องกวนประสาทเธอสู้เขาไม่ได้
“เพราะมันเป็นชื่อที่มีเสน่ห์ ผมชอบมัน”
“ขอบคุณ ฉันจะเก็บมันไว้”
เขาหัวเราะในแผ่นอกของเขาที่มันกระเพื่อม เมื่อเขาหันกลับมามองเธออีกครั้ง เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงดวงตาของเขาที่ลูบไล้หน้าอกของเธอ การหายใจของเธอเร็วขึ้น และมือทั้งสองของเธอก็สั่นเทาบนตักของเธอที่เธอเชื่อว่านั่นเพราะเธอยังเปียก และยังโกรธเขา
ก็ช่างเขาปะไร!
“แต่คุณกำลังทำให้ตัวเองให้ยุ่งเหยิงรู้ไหม หมูหวาน คุณกำลังไปไหนมาไหนกับกลุ่มคนที่คลั่งไคล้ผีสางเทวดาและคนที่ติดเหล้า คนที่ขับรถเร็วและกวนเมือง อยู่ที่นี่แล้วคุณจะเป็นเหมือนคนอื่นๆ คุณตั้งใจจะอาศัยอยู่กับทิศณุหรือเปล่า อิงอลินญา นรเรศศิรินทร์"
เธอหน้าแดง “ฉันอยู่บ้านของฉัน”
“แต่คุณนอนกับทิศณุหรือเปล่า?”
"มันไม่ใช่เรื่องของคุณ!"
"อาจจะไม่. ใช่ มันเป็นเรื่องของคุณ เพราะคนที่โดนทำลาย มันก็คือคุณ" เขาจุดบุหรี่ ใจเย็น และกล่าวเสียงเรียบ
ฉันเกลียดคุณ! เธอคิดในใจ "คุณหมายความว่าอย่างไร?"
“ผมหมายความว่าเขาจะทำลายคุณ” เขาย้ำอีกหน “เขาจะทำให้คุณยุ่งเหยิงจนอาจพังลง อิงอลินญา นรเรศศิรินทร์ เขาจะให้คุณคลานด้วยมือและเข่า และเมื่อเขาผลักคุณออก คุณจะเน่าเฟะอยู่ข้างในหัวใจและจิตวิญญาณของคุณ เขาทำแบบนั้นกับผู้หญิงมามากคนแล้ว มากกว่าที่คุณเคยเจอกับเขามานานหลายปี ซึ่งผมสงสัยว่าผมไม่ได้พูดมากเกินความจริง เขาเปลี่ยนผู้หญิงที่ดีให้เป็นโสเภณี จากนั้นเขาจะกำจัดผู้สนับสนุนหรือผู้ปกครองของพวกเธอที่อาจจะเข้ามาขวางในกระบวนการนี้ของเขา เขาไม่ใช่คนดี"
“เขามีทุกสิ่งที่เขาต้องการอยู่แล้ว” เธอกล่าวอย่างโกรธๆ "คุณแค่อิจฉาเขา เพราะเขาอยู่ห่างๆ ข้างหน้าคุณใช่หรือเปล่า คุณเสือ อัครเรศทวีวัฒน์"
เธอตีเขาสำเร็จ ไหล่กว้างของเขาเกร็ง สีหน้าเขาโกรธ ดวงตาที่เคยเย็นชาอยู่เนื่องๆ แทบจะจุดเพลิงเผาทะเลได้
“ผมไม่อิจฉาคนที่พัง อิงอลินญา สักวันหนึ่งคุณจะรู้ว่าทิศณุเป็นคนล้มเหลว” เขากล่าวเมื่อดึงอารมณ์เรื่อยเฉื่อยกลับมาได้สำเร็จ อิงอลินญาแอบจิกเล็บ หัวไหล่กลมกลึงของเธอสั่น เพราะเธอเองก็โกรธ “และเมื่อถึงเวลานั้นมันก็จะสายเกินไปสำหรับคุณ”
เขาปล่อยให้เธอสงสัยว่าเขาหมายความว่าอย่างไร แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาชนะ
“ถอดชุดโง่ๆ นั่น หมูหวาน คุณกำลังจะฆ่าตัวเองตายเพราะไข้หวัดหรือปอดบวม”
เธอไม่ชอบที่เขาสั่ง แต่เขามักมีอำนาจประหลาดที่มักทำให้เธอเชื่อฟัง ถึงตรงนี้เธอก็นิ่งและเงียบขณะที่ถอดเสื้อผ้าและโยนชุดที่เปียกของเธอเอาไปไว้ข้างหลัง พยายามจะไม่คิดอะไรอีก เพราะเธอเหน็บหนาวจนเข้ากระดูกอย่างที่เขาสาปแช่ง
อีกอย่าง มันจะสำคัญอะไร เขาเองก็เคยเห็นเธอเปลือยกายล่อนจ้อนมาก่อนแล้วด้วยซ้ำ และเขาก็ดันเป็นผู้ชายแปลกหน้าคนเดียวที่ได้เห็นมัน
“คุณสวยมากหมูหวาน คุณรู้ไหมว่าคุณสวยแค่ไหน?” ในที่สุดเขาก็พูดเหมือนละเมอ
มือที่ทำสิ่งมหัศจรรย์กับเนื้อหนังที่เปลือยเปล่าของเธอ มือที่ลูบหลังของเธอ กดแผ่นหลังเล็กๆ ของเธอ มือที่อ่อนโยนทว่ามันเป็นมือที่แข็งแรง .. มือที่เป็นผู้ชายเย็นชากระด้าง แต่ก็ช่างนุ่มนวล
"สวยมาก-"
เธอรีบสวมเสื้อคลุมของเขา มันอุ่นขึ้น และเธอยังนั่งกำมือ อีกมือหนึ่งกุมชายเสื้อที่โคร่งเพราะขนาดไซส์ยักษ์ของเขา และเพราะมือของเธอกำลังสั่นเทาบนตักของเธอ เธอไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้มากนัก เธอโกรธเขา เธอโกรธตัวเอง
เพียงแค่เขามองมาที่เธอ เขาก็สามารถทำให้เธอประหม่าเคอะเขินได้ไม่รู้จักจบงั้นเหรอ?
ทันใดนั้นเขาก็หมุนวงล้อ ดึงรถหรูเครื่องแรงทรงพลังออกไปบนถนนลาดยาง เขาเหยียบคันเร่งหนักขึ้นและรถก็เร่งความเร็วขึ้นไปอีก แล่นไปตามทางเท้าสีดำราวกับปีศาจที่โกรธเกรี้ยว เธอกลัวความเร็วยิ่งในตอนฝนตกๆ แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาเองก็เป็นเหมือนขุนพลปีศาจที่ควบคุมได้แม้แต่ม้าพยศที่คลุ้มคลั่ง
เธอพูดว่า “นี่ไม่ใช่ทางไปเซนต์เดอลองค์”
“มันเป็นทางลัด”
เธอรู้ว่าเขาโกหกแต่ไม่อยากโต้เถียงกับเขา เมื่อเขาเลี้ยวจากถนนลาดยางเข้าสู่ถนนลูกรัง เธอรู้โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะไม่ไปเซนต์เดอลองค์ เขาอาจจะพาเธอไปที่ไหนสักแห่งในชนบทและเกลี้ยกล่อมเธอ เธอตัดสินใจ บางทีเขาอาจจะข่มขืนเธอถ้าเธอไม่ยอมเขาเหมือนที่เธอเคยยอมเขาที่เบาะหลัง นอกจากนี้ เธอยอมรับว่าเธอรู้สึกตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าเธอตื่นเต้นและพร้อมจะมีเซ็กกับเขาได้เสมอ
มันไร้สาระ .. เธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ นอกจากรู้ว่าเขารู้จักกับพ่อของเธอ ทั้งๆ ที่เขาเองไม่ใช่ว่าจะชอบคบค้าคนชนชั้นนายทุนที่กำลังจะหันหน้าเข้าหาการเมืองท้องถิ่นอย่างพ่อของเธอ เขาออกจะเหยียดหยัน เสียดสี ซ้ำเติมเธอแทบทุกครั้งที่มีโอกาสพบกัน
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเธอพลาดท่า กลายเป็นผู้หญิงที่ 'ง่าย' สำหรับเขา
แต่อิงอลินญาเชื่อว่าที่เธอพลาดเพราะเธอยังเด็กที่ไม่รู้จักกลไกร่างกายเธอดีพอ แต่ถึงอย่างไร เธอก็ไม่เคย 'ง่าย' กับทุกคน แม้แต่กับทิศณุ และสำหรับผู้ชายรุ่นเดียวกับพ่อของเธอที่ชื่อว่าเสือ อัครเรศทวีวัฒน์ก็เป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญ! เป็นอุบัติเหตุทางกามารมณ์ และเพราะความดิบเถื่อนถือดีของเขาเท่านั้นเลยที่ดึงดูดและล่อลวงเธอ
รถหยุดด้วยเสียงกรีดของยางเบาๆ บนถนนที่เปียก
“เรามาถึงแล้ว” เขาประกาศ “ลงจากรถเถอะ และเข้าบ้าน มันอบอุ่นกว่าที่เรายืน”
“เราอยู่ที่ไหน?” ฝนหยุดตกแล้ว เธอคิด
"บ้านของผม .. คุณชอบมันไหม?"
เธอจ้องมองบ้านของเขาที่อยู่ห่างจากถนนประมาณ 50 หลา ที่จุดสูงสุดของเนินเขาที่แหลมคมเท่าที่ตาจะมองได้ผ่านความมืด และมันไม่เหมือนกับบ้านหลังไหนที่เธอเคยเห็นในเมืองนี้มาก่อน รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบร่วมสมัยอย่างมาก และไม่มีใครในพื้นที่นี้ที่มีบ้านแบบนี้จากระยะไกลหรือใกล้เคียง แต่เธอก็คิดว่าตนเองเคยเห็นบ้านที่คล้ายกันนี้ในภาพยนตร์และทางโทรทัศน์ แตกต่างจากบ้านในฟาร์มปศุสัตว์ชั้นเดียวที่เธอเคยพบเจอผ่านตาทั่วไป
บ้านหลังนี้ดูแปลกตาแต่น่าอยู่ไปอีกแบบบนระนาบที่แหลมคมของอิฐและแก้ว มันแทงตัวเองขึ้นมาในมุมแปลกแต่โดดเด่น ลานทรงครึ่งวงกลมถูกทำให้เป็นปากทางเข้าตรงหน้าบ้าน และการจัดสวนนั้นก็เหมาะสมกับตัวบ้านอย่างยิ่ง และทำให้รู้สึกว่าโครงสร้างนั้นเติบโตขึ้นจากพื้นดิน ภูเขา และพวกเขาก็ดูกลมกลืนเป็นส่วนเดียวกัน
"ดีไหม? คุณชอบมันไหม?"
“ใช่" เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา "ฉันชอบมันมาก."
“มันเป็นบ้านของผม" เขาพูดว่า “สถาปนิกที่ออกแบบมันเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผมที่ชิคาโก และนั่น! ผมดีใจที่คุณชอบมัน"
“คุณอาศัยอยู่กับภรรยาของคุณหรือเปล่า?”
“ผมไม่เคยแต่งงานเลยนะ คุณก็รู้ หมูหวาน” เสียงเขาฟังคล้ายตำหนิเธอ
“อ๊ะ!” เธอพูด “ฉันขอแสดงความเสียใจ ที่คุณปราศจากสิ่งนั้น”
เธอรู้ดีว่าเขาแหนหวงชีวิตโสดทั้งที่อายุน่าจะร่วมสี่สิบได้ ผู้ชายวันนี้ความจริงควรต้องแต่งงาน
ใช่ เธอเคยหลงเสน่ห์ผู้ชายวัยคราวพ่อ เพียงเพราะเขาตัวใหญ่ สูง 186 เซนติเมตร และหนักเกือบ 90 กิโลกรัม มีหนวดมีเคราที่เล็มประณีตดูน่าเกรงขาม และเป็นเจ้าของฟาร์ม มีโรงนาสองแห่งบนเนื้อที่ดิน 2,500 เอเคอร์ กับวัวที่ลงทะเบียน 1,500 ตัวแค่นั้นเอง
แต่เธอจะโง่มากหากอยากแต่งงานกับผู้ชายแบบเขา เพราะถ้าเขาอยากแต่งงานกับใครสักคน เขาคงทำมันนานแล้ว
“อย่าเสียใจ” เขายืนยันคำตอบในใจเธอ “ไม่เป็นไร ผมไม่เคยชอบพวกเธอ คุณเข้ามาข้างในสิ”
น้ำเสียงเขาเหมือนจะรู้ดีว่าเธอประชดเขาอยู่ และเขาก็ไม่รอคำตอบที่เตรียมจะอิดออดของเธอ เขาจับแขนของเธอข้างหนึ่งหยิบชุดเปียกๆ ของเธอมาถือไว้อีกข้างหนึ่ง แล้วพาเธอไปที่ประตู พาเธอเข้าไปข้างใน และปิดประตูตามหลังเธอ
“นี่ไง” เขาพูด “ชอบไหม?” คราวนี้น้ำเสียงเขาฟังดูคล้ายเด็กๆ ที่อยากอวดของล้ำค่าแก่คนที่เขาเชื่อใจ
การตกแต่งภายในบ้านเข้ากับภายนอกด้วยเส้นสายร่วมสมัยที่เฉียบคม แต่อิงอลินญาไม่อยากจะเชื่อว่าบ้านทรงเหลี่ยมของคนกระด้างเย็นชาแบบเขาจะมีบ้านที่ดูอบอุ่นได้ขนาดนี้ พื้นเป็นไม้ขัดเงาอย่างดี มีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ด้านข้างมีระเบียงรับลมชมดาว เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้และเหล็ก ไม้มีรายละเอียดด้วยความเงาและเหล็กเป็นสีดำ และเงาในเตาผิงหินปูพื้นขนาดใหญ่ที่ปลายด้านหนึ่งของท่อนซุงที่ถูกกองไว้ในห้องนั่งเล่นก็พร้อมเสมอสำหรับไฟแช็กเหล็กที่วางใกล้กัน
“มันดีมาก” เธอพูดอย่างง่อยๆ เพิ่งรู้ตัวว่าเธอกลั้นหายใจเพราะเธออาจหลงรักบ้านของเขา
“ชุดคุณต้องซัก และอบรีด ไม่เช่นนั้นคุณแม่ของคุณจะต้องหัวใจวาย”
“ฟังดูน่าสนุก” เธอเริ่มเสียงอ่อย และเขาก็ยิ้ม
“ระหว่างนี้คุณจะดื่มหน่อยไหม สก๊อต โอเคไหม?”
“ฉันคิดว่าได้” อันที่จริงเธอยังเข็ดกับของมึนเมา แต่อากาศตอนฝนตกนั้นหนาวมาก “เครื่องซักผ้าของคุณอยู่ตรงไหน?”
เขาหัวเราะ ก่อนจะชี้มือไป เธอเดินไปจัดการกับชุดเปียกๆ ของเธอในขณะที่เขาไปที่บาร์และรินเครื่องดื่ม
“คุณคือภาพจินตนาการของภรรยาที่ดี อิงอลินญา” เขาพูดและมองมา
หน้าของเธอแดงก่ำ เมื่อตั้งโปรแกรมซักผ้าเธอก็กลับมาเลือกนั่งลงบนโซฟาที่มันสบายกว่าที่ตาเห็นมาก เสือเดินกลับมา และหยุดระหว่างทางเพื่อกดรีโมตสร้างเสียงดนตรีที่กรองผ่านเข้ามาในห้องที่ดูเหมือนมันจะดังอย่างนุ่มนวลมาจากทุกทิศทุกทาง มันเป็นดนตรีคันทรี่อ่อนหวานที่แทรกซึมและยืนหยัด
เขาส่งเครื่องดื่มให้เธอและนั่งข้างเธอบนโซฟา
“เราทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรให้ทะเลาะ”
“เมื่อไรจะเลิกงอน?”
เธอเงียบ
บทที่ 3 : ความรักไม่ใช่เซ็ก
“ผมรุนแรงกับคุณเหรอ หมูหวาน? แต่คุณก็ควรรู้ใช่ไหมว่านั่นเป็นเรื่องธรรมดาของครั้งแรกของผู้หญิง และเพราะผมไม่รู้มาก่อนจึงไม่ทันระมัดระวัง ผมเมา และผมก็รีบร้อน และผมก็ตัวใหญ่ และ .. เอ่อ .. คุณต้องยอมรับว่าเพราะคุณเองนั้นร้อนแรงมาก หวานมาก และคุณก็เร่งเร้าผลักดันผม แต่ผมเชื่อว่าในครั้งที่สอง ผมแน่ใจว่าผมได้ทำดีขึ้น”
อิงอลินญาหน้าแดงก่ำอีกหน “หยุดพูดถึงมัน!”
“ฟังเถอะ อิงอลินญา ที่ผมลุกจากมาเพราะผมเข้าใจว่าคุณไม่อยากเป็นนายหญิงของไร่ข้าวโพดและฟาร์มเลี้ยงวัวที่มันเป็นงานหนัก ลูกสาวของนายทุนที่สนใจแต่ราคาหุ้นถุงยางอนามัยในตลาดโลก คุณถูกพ่อแม่ของเลี้ยงดูมาอย่างดี มีความสุขสบายมาตลอดทั้งชีวิต คุณคงไม่มีวันเข้าใจชีวิตของชาวไร่ชาวนา คุณอาจไม่ชอบกลิ่นสาบของวัว ผมเข้าใจถูกต้องไหม?”
“คุณจะพูดโดยไม่เสียดสีคุณพ่อของฉันได้หรือเปล่า?” เธอโกรธเขาขึ้นมาอีก
“พ่อของผมเองเขาก็เป็นนายทุนมาก่อน และเขาฆ่าของแม่ผมและตัวเขาเองเพียงเพราะธุรกิจที่ใช้ไม้จิ้มอย่างสกปรกของเขา .. แต่”
ความเห็นอกเห็นใจเริ่มจับต้องหัวใจของเธอขึ้นมาบ้าง แต่อิงอลินญาเลือกที่จะเงียบ ไม่พูด เพราะตอนสมัยเธอเป็นเด็กกว่านี้ ดูว่าเหมือนว่าหนังสือพิมพ์จะพาดข่าวถึงครอบครัวเขาด้วย บางทีเขาคงแค่อยากระบายความทุกข์ทนในใจของเขาให้ใครสักคนฟัง และเธอคงแค่บังเอิญมายืนอยู่ตรงนี้
“ผมรักคุณนะ อิงอลินญา” จู่ๆ เขาก็พูด
“มันตายแล้ว” เธอเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอหลังจากยืนจ้องหน้าสบตาเขาและมันผ่านไปแล้วสิบวิ แต่อันที่จริงเธอกำลังหมายความว่าเธอไม่เชื่อว่าคนเย็นเยียบอย่างเขาจะมารักเธอง่ายๆ
“สำหรับคุณหรือ?” เขาจิบสก๊อตของเขา มองสบตาเธอผ่านขอบแก้ว “แต่สำหรับผม มันยังคงเดิม”
“ฉันไม่เชื่ออะไรคุณ คุณเสือ!” เธอชักเริ่มสับสน แต่ยังคงไม่ไว้ใจเขาในเรื่องนี้มากกว่า เธอเคยได้ยินว่าความคลั่งไคล้ของผู้ชายต่อผู้หญิงมักเริ่มจากร้อย ต่อจากนั้นจะลดลงแล้วจางหาย ในขณะที่ฝ่ายหญิงจะเริ่มจากศูนย์ไปจนร้อย พัน หมื่น ล้าน และอาจไกลมากกว่านั้นได้
เขาหยิบแก้วขึ้นมา หมุนเป็นวงกลมเล็กน้อยเพื่อให้ก้อนน้ำแข็งละลายเร็วขึ้นอีกหน่อยและจะผสานเข้าหาเนื้อสุรา เธอมองเขาแล้วเผลอจิบสก็อตของเธออย่างรวดเร็วเพราะรู้สึกเหมือนลำคอจะแห้งผากเหลือเกิน
“แต่งงานกับผม อิงอลินญา นรเรศศิรินทร์”
เขาพูดอย่างตรึกตรอง แต่ทำเอาเลือดของเธอจับตัวแทบแข็งเป็นก้อน เธอไม่เคยเตรียมใจมาก่อนว่าเขาจะเอ่ยคำนี้ เธอคิดเสมอว่าศัพท์คำนี้มันไม่มีวิธีในการกระดกลิ้นของเขาเลย มันกะทันหัน ดังนั้นเธอจึงไม่มีวิธีรับมือ แต่เธอก็เรียนรู้มาบ้าง คำพูดไม่ได้มาหาเขาง่ายๆ เขาไม่ได้กะล่อนเจ้าบทเจ้ากวีเหมือนเด็กหนุ่มเจ้าสำราญที่เธอกำลังคบหาอยู่ แต่เมื่อเสือพูด เสือจะพูดอย่างที่เขาหมายความอย่างนั้น ตามที่เขาพูด และนี่สำคัญกว่าความกะล่อนมาก
“เราจะมาเริ่มกันใหม่ คุณเองก็รู้ดีว่าคุณหลงใหลกับบทรักของผม”
“มันไม่จริง”
“พิสูจน์ดีไหม? ถ้าผมทำให้คุณครวญคราง จิกหลังผม ร้องไห้ด้วยความประหลาดใจกับหัวไหล่ของผมอีกไม่ได้ แปลว่าเราจะไม่สอดประสานกัน”
“ความรักไม่ใช่เซ็ก คุณเสือ อัครเรศทวีวัฒน์” แต่เธอหน้าแดงและแอบต่อเติมในใจว่า
'สำหรับผู้หญิงหลายคน เธอจะยอมมีเซ็กก็แค่สำหรับคนที่เธอรัก' ขณะเดียวกัน
'ผู้ชายมักจะขึ้นขี่ผู้หญิงใจง่าย ถอดเสื้อผ้าและร่วมรักกับพวกเธอ .. แต่ผู้ชายจะแต่งงานและยกย่องผู้หญิงที่ดี'
“เห็นได้ชัดว่าคุณเริ่มโตขึ้นมากแล้ว หมูหวาน” เขายิ้มและครั้งนี้ก็ไม่มีวี่แววเยาะเย้ยอย่างที่เขาเคยทำ “คุณเริ่มเรียนรู้ว่าภรรยาไม่จำเป็นต้องลีลาเด็ดเท่าโสเภณี ภรรยาเป็นอะไรที่มีค่ามากกว่านั้นมาก แต่ถึงกระนั้น หมูหวาน ครั้งนั้นคุณอาจเข้าใจผิดว่าผมทิ้งคุณ ผมอาจพูดอะไรไม่ทันชัดเจน แต่หลังจากที่เราเมคเลิฟกัน ผมมีความสุข มันวิเศษมากจนผมนึกกลัวอำนาจของคุณ”
เธอมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่เขาจิบสก๊อตของเขาเพื่อเรียกความมั่นใจ